พอคนไข้ตื่นทำเสร็จแล้ว หายกลัว หายเจ็บ หายกังวลเหลืออย่างเดียวกลัวไม่โด่ง !!!( เอาเข้าแล้วงัยครับ ไหนบอกหมอว่าขอธรรมชาติ ??? )
สุดท้ายแล้วกล้องตัวนี้เลยขายไม่ออก แม้มีบางคลินิกซื้อไปใช้ แต่ไม่ได้ใช้จริง เอาไว้ประดับคลินิก เสมือน Furniture ราคาแพง ฮ่าๆๆๆ จากการที่หมอได้มีโอกาสได้ใช้กล้อง Virtual 3D มาอย่างน้อย 4 ปี ( ฐานข้อมูลคนไข้เป็นพันๆ คน ) บอกได้เลยว่าคนไข้หมอส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจ )
เพราะหมอไม่ได้วาดฝัน ไม่ได้บอกว่าทำได้ทุกอย่าง ( หมอคนไหนบอกว่าทำได้ ทำได้ทุกอย่าง อันนี้พึงระวังไว้นะครับ ฮ่าๆๆ ) บอกทำได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ เบี้ยวก็แก้ แต่ที่อย่างเดียวมักไม่ทำให้คือ ขอปลายยาวๆๆแบบ Pinocchio เท่านั้นอย่าขอ !!!
เวลาผ่านไปแล้ว 4 ปี ไวเหมือนโกหก technology ต่างๆก็เปลี่ยนไป ของเก่าไปของเก่ามา เหมือน โทรศัพท์มือถือ มีรุ่นใหม่ๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Iphone หรือ Samsung Galaxy กล้อง Virtual 3D ก็เช่นกัน ก็มีการพัฒนา Technology ให้ทันสมัยตามโดยเฉพาะ Technology ที่เกี่ยวข้องกับ ศัลยกรรมความงาม ของประเทศเกาหลี ก็ได้ พัฒนากล้อง Virtual 3D สัญชาติเกาหลีขึ้นมา
ซึ่งหลังจากได้ทดลองใช้กล้องตัวใหม่นี้ หมอค่อนข้างชอบ เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะและด้วยความที่มีความซับซ้อนมาก ก็เลยใช้ยากไปด้วย ฮ่าๆๆๆ
จนปัจจุบันนี้มีแค่ GrandMaster Clinic ที่เดียวเท่านั้นที่มี !!! ( ดูน่าภูมิใจ เอ๊ะ หรือว่าเราโง่หว่าที่ไปซื้อมาใช้ …..หมายเหตุ อันนี้ Sale คนขายบอกนะ ไม่รู้หลอก หมอเปล่า่ ฮ่าๆๆ )
แต่ประสบการณ์ของหมอที่ได้ใช้กล้อง Virtual 3 D กับคนไข้ในและต่างประเทศไทยพบว่าคนไข้ส่วนใหญ่ชอบตัวกล้อง Virtual 3 D มาก ( ซึ่่งทำให้หมอมีความคิดที่แตกต่างออกไปจากศัลยแพทย์ท่านอื่น) เพราะหลายๆครั้งคนไข้ มักจะบอกว่า ของตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย แต่คำว่า นิด และ หน่อย ของหมอกะคนไข้มันวัดออกมาเป็นปริมาตรไม่ได้ แต่เมื่อถ่ายภาพออกมาแล้ว เราสามารถทำคำว่า นิด และ หน่อย ได้เข้าใจตรงกัน
บางครั้งเองคนไข้ก็บอกว่า ขอปลายจมูกยาวๆ ขอแบบหยดน้ำแล้วมาดึงๆปลายจมูกของตัวเองให้ดู ( ฮ่าๆๆ เนื้อมันไม่ยืดออกมาแบบนั้นหรอกหลังเสริมนะ ) แต่การสร้างภาพเสมือนจริง หลายต่อหลายครั้งกลับทำให้คนไข้เปลี่ยนใจ !!! ไม่เอาหยดน้ำ หรือหลายครั้งที่หมอลองสร้างหยดน้ำจากในกล้องให้คนไข้ดูคนไข้กับบอกว่า ไม่เอาแหลมไป
การสร้างภาพ 3D ให้คนไข้ดูก่อนนั้นสามารถให้คนไข้ กลับบ้านไปเอา ระยางก่ายหน้าผากคิดก่อนทำ หรือ ถ่ายภาพเสร็จแล้ว จะเอาไปให้เพื่อนๆช่วยดูก่อนก็ได้
สรุปว่า technology นั้นมีทั้งดีและไม่ดี อยู่ที่ว่าเราจะเลือกส่วนไหนที่เหมาะกับเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด Technology ไม่ได้น่ากัวอย่างที่คิด ( สำหรับหมอ คนไข้ดูกล้องแล้วไม่ทำ หมอก็ไม่ว่าอะไร ไม่ทำก็ไม่ทำ ดีกว่าว่าทำไปแล้ว มาผิดใจกันที่หลัง ) ในเรื่อง Technology ทางการแพทย์นั้น ได้มีการนำเอา เครื่อง 3D Printer มาใช้คู่กับ กล้อง Virtual 3D แล้ว แต่ยังอยู่ในการวิเคราะห์ พัฒนาปรับปรุง Program อยู่ ( แต่ขอกระซิบไว้ตรงนี้เลยว่า หมอจะนำมาใช้อย่างแน่นอน !!! )
ท้ายที่สุด คำถามสุดท้าย ถามว่า แล้วหมอมั่นใจไหมว่า ทำได้เหมือนอย่างรูปเสมือนจริงกี่เปอร์เซนต์ ??? ถามมาแบบนี้คงต้องตอบว่า ให้ไปถามคนไข้ที่เสริมจมูกกะ หมอเกมส์ ดีก่าว่าเหมือนหรือไม่เหมือนแค่ไหน ( น่าเสียดายที่คนไข้ของหมอส่วนใหญ่ ไม่นิยมไป review ตาม webboard ศัลยกรรมต่างๆ เพราะ ม้าเยอะกลัวโดนเตะ ฮ่าๆๆ )