จริงๆ เรื่องเสริมคางนี้ มีมานานแล้วนะครับ ส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้ ก็จะไปฉีดกันซ่ะส่วนใหญ่ แต่พอเวลาผ่านไปไอ้ที่ฉีดก็ย้อยย้วย กันไปหมดแล้ว เลยกลายเป็นว่า เดี๋ยวนี้ชักจะฮิตเสริมกันมากขึ้นนะครับ ที่เสริมกันมากขึ้นหมอว่า คนไข้ไม่ได้อยากเสริมกันหรอกครับ แต่หมอว่าทนความเย้ายวนใจของ Promotion เสริมคางกันไม่ไหวมากกว่า ฮ่าๆๆ ( เมื่อก่อนเห็น คลินิกเสริมความงามต่าง ออก Promotion เสริมจมูก แข่งกันใหญ่ แข่งกันลดราคา…. จนตอนนี้ คนไทยคงจมูกโด่งกันไปหมดแล้ว ) เลยไม่เหลือ เคสเสริมจมูกกันเท่าไร คลินิกทั้งหลายจึง เริ่มช่องทางการตลาดใหม่คือ เสริมคาง ฮ่าๆๆ
ด้วยความที่ว่าเริ่มฮิต ก็เริ่มเละกันเป็นธรรมดา เพราะการเสริมคางนั้นมีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด / การเสริมคางด้วยวัสดุสังเคราะห์ และ การผ่าตัดเลื่อนคาง แน่นอนว่าวิธีต่างๆ ก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไปนะครับ ซึงหมอจะขอเล่าเฉพาะเรื่องการเสริมด้วยวัสดุสังเคราะห์ ( ที่เล่าได้เพราะ ตัวเองถนัด เลยสามารถนำเอาประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาเล่าสู่กันฟัง )
การเสริมนั้นไม่ยาก แต่ที่ยากคือการตัดสินใจว่า จะเสริมผ่านทางไหนมากกว่า เพราะคลินิกหลายคลินิก นำเสนอวิธีการเสริม 2 แบบคือ เสริมคางโดยมีแผลในปาก และ เสริมคางโดยมีแผลนอกปาก
เสริมคางโดยมีแผลในปาก มีข้อดี อย่างไร ?? ต้องตอบว่า มีข้อดีเพียงข้อเดียวคือ ไม่เห็นแผลจากภายนอก เท่านั้น เท่านั้นจริงๆครับ นอกนั้นมีแต่ข้อเสีย
ข้อเสียมีอะไรบ้าง ? คือ ไม่เห็นแผลนอกปากจริง แต่แผลในปากโครตเยิน เยินแค่ไหนดูจากภาพประกอบ จะเห็นว่า แผลเป็นเกิดขึ้นติดกับร่องเหงือกดูน่าเกลียด ( แต่คงไม่มีใครแหกดูนอกจากเราเอง ฮ่าๆๆ )
– โอกาสติดเชื้อมีสูง คิดง่ายๆครับ มีแผลในปาก — ปากเอาไว้กินข้าว ไหนเลยจะมีน้ำลายที่อยู่ในปากอีก พวกนี้มันไหลลงไปตามขอบแผลได้ ต่อให้เย็บ แบบ Hitching technique ก็ตาม
– โอกาสเคลื่อนที่ และ ไม่ตรงตำแหน่งที่ต้องการสูง ? เราส่วนใหญ่อยากเสริมคางให้ดูยาวถูกไหมครับ แน่นอนว่า เราต้องวาง วัสดุสังเคราะห์ไว้ด้านล่างติดกับขอบกระดูกกรามล่าง
– โอกาสเกิดปัญหา กับ กล้ามเนื้อคางและ เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้คางที่ดูจากภายนอกเป็น ตะบุ๋มตะป่ำจากการที่มีการหดตัวของกล้ามเนื้อคาง
– เนื้อที่ในการทำผ่าตัดค่อนข้างจำกัด ต้องลงแผลในปากกว้างเพื่อที่จะลงไปวาง วัสดุเสริมคางในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ ทำให้เนื้อเยื่อค่อนข้างช้ำและมีเลือดออกมาก การเย็บปิดแผลหลังจากที่เสริมไปแล้วค่อนข้างลำบากและตึง ในกรณีที่ Create Flap ไม่ดีต้งแต่ต้น
เสริมคางโดยมีแผลนอกปาก มีข้อดีอย่างไร ??
– โอกาสติดเชื้อน้อยกว่า ที่บอกว่าน้อยกว่าเพราะ ขึ้นชื่อว่าผ่าตัดโอกาสติดเชื้อหลังผ่าตัดมีเสมอ
– โอกาสเกิดการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อและ เส้นประสาทมีน้อยกว่า ผ่าตัดในปาก เพราะหมอผ่าตัดสามารถหลีกเลี่ยงกล้ามเนื้อและเส้นประสาทเพื่อเข้าสู่ ขอบล่างของกระดูกกรามโดยตรง
– เมื่อมีปัญหาเบี้ยวเอียง การผ่าตัดแก้ไขง่ายกว่า เพราะสามารถเข้าผ่าตัดซ้ำที่แผลผ่าตัดภายนอกได้เลย ไม่เหมือนกับการลงแผลผ่าตัดในปากที่ ตอนนี้แผลในปากเยินมากแล้ว การลงแผลผ่าตัดซ้ำในปาก จะทำให้เกิดการเย็บซ้ำยาก มากมาย
– สามารถวางตำแหน่ง วัสดุสังเคราะห์ที่เสริมในตำแหน่งที่เหมาะได้ง่ายกว่า หรือจะบอกว่าทำแล้วออกมาสวยพอๆกับ การลงแผลในปากที่คุณหมอมีความชำนาญในลงแผลในปากสูงๆๆๆๆๆๆ
ส่วนข้อเสียของการลงแผลนอกปากนั้น ก็ แค่มีแผลเป็น เหมือนคางแตก ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น ( หมายเหตุ และ การผ่าเสริมคางจากภายนอกนั้น ไม่เหมาะกับคนไข้ที่เป็นแผลเป็นนูน หรือ Keloid นะครับ )
ส่วนความยาวของแผล อันนี้เป็นความยาวเฉลี่ยในศัลยแพทย์ผู้ที่ชำนาญนะครับ แต่ถ้ามือใหม่หัดเสริมแนะนำว่าอาจต้องยาวกว่านี่ เพราะมันยาก ไว้ทำเก่งแล้วค่อยลดขนาดแผลลง
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยนั้นมีกูรู เยอะหมอก็ไม่อยากไปเถียงพี่กูรู ที่มีความสามารถในการผ่าตัดเสริมคางในปาก อย่างโน้นอย่างนี้ว่า ที่หมอออกมาเขียนแบบนี้เพราะทำในปากไม่เป็น อะไรทำนองนั้น ก็เอาเป็นว่า หมอไม่เก่งเท่าพี่กูรูก็แล้วกันครับ หมอถนัดทำอะไรง่ายๆ ไม่เสี่ยงทั้งตัวหมอและตัวคนไข้
ขอทิ้งท้ายให้เป็นข้อคิดในฐานะเป็นศัลยแพทย์มาครบ 10 ปี ประสบการณ์สอนว่า เทคนิคใหม่ๆ หรือของใหม่ๆ ไม่ได้ดีเสมอไป ฮิตทำกันไปพักหนึ่งก็เลิก … เพราะเทคนิคใหม่ๆนั้นเป็น เทคนิคของหมอขั้นเทพ ..ชั้นเซียน เวลาพวกนี้ทำผลลัพธ์ในการผ่าตัดย่อมดูดีดูสวย แต่พอหมอดาดๆอย่างเรามาทำบ้าง ไม่เห็นว่างานมันจะสวย จะเริ่ดแบบเค้าบางเลย ดังนั้นเลือกทำอะไรที่ถนัดและปลอดภัยกับคนไข้ดีกว่า ( Safe Surgeon , Safe Life …. Life นี้แปลความหมาย 2 อย่างนะครับ Life คนไข้ และ Life ศัลยแพทย์ด้วย ฮ่าๆๆๆ